Friday, August 23, 2019

ยันทําไม่ได้ ยุบ-ย้ายสังกัด ขัดกับรัฐธรรมนูญ - ไทยรัฐ

ยันทําไม่ได้ ยุบ-ย้ายสังกัด ขัดกับรัฐธรรมนูญ - ไทยรัฐ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 ส.ค. ที่สำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป (ปชช.) ยื่นยุบพรรคต่อ กกต.เพื่อย้ายพรรคว่า กรณีการยุบพรรคมี 2 กรณี คือ ยุบตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ และตามมติของคณะกรรมการบริหารพรรค เมื่อพรรคถูกยุบแล้ว ส.ส.ต้องหาพรรคสังกัดภายใน 60 วัน แต่จะมีปัญหากรณีเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งมาจากคะแนนรวมทุกเขตทั้งประเทศ กรณีเลือกตั้งซ่อมของเชียงใหม่เขต 8 เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า เกิดการปรับเปลี่ยนจำนวน ส.ส.พึงมีของแต่ละพรรค เมื่อคำนวณคะแนนใหม่ มีพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มพรรคละ 1 คน แต่พรรคที่ ส.ส.หายไปคือพรรคไทรักธรรม จะเห็นได้ว่าแม้คะแนนเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยสามารถสร้างผลกระทบได้

งงจะแทรกในปาตี้ลิสต์ พปชร.ยังไง

นายสมชัยกล่าวว่า หากนายไพบูลย์ไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถามว่า นายไพบูลย์จะแทรกลำดับผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องหาคำตอบให้ได้ เพราะต้องมี การเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.ของพรรคอย่างแน่นอน นอกจากนี้จะเข้าข่ายเป็นการควบรวมพรรคหรือไม่เพราะพรรค ปชช.มี ส.ส.เพียงคนเดียว การที่นายไพบูลย์ไปสังกัด พปชร.จะเท่ากับการย้ายพรรค 100 เปอร์เซ็นต์ กรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบตามมาในทางการเมือง เนื่องจากพรรคใหญ่จะใช้วิธีการเดียวกันให้พรรคเล็กยุบดึงมาอยู่ด้วยเพื่อเลี่ยงกฎหมายการควบรวมพรรคการเมือง หรือพรรคเล็กอยากจะหนีความเสี่ยงว่าจะหลุดออกจากตำแหน่ง ส.ส.เพราะได้คะแนนพรรคต่ำไปสังกัดพรรคใหญ่แทน จะทำให้หลักการและเจตนารมณ์ของกฎหมายผิดเพี้ยนไป หมด ขอให้ กกต.นอกจากจะคิดในเชิงนิติศาสตร์แล้วอยากให้มองทางรัฐศาสตร์ที่จะมีผลกระทบที่ตามมา เชื่อว่าประเด็นนี้จะไปถึงศาลรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน เพราะไม่เคยเกิดขึ้นและกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญไม่เคยคาดคิดมาก่อนจึงไม่มีบทบัญญัติใดๆกับกรณีนี้

พท.ค้านขอยุบย้ายสังกัดขัด รธน.

นายสามารถ แก้วมีชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การจะย้ายพรรคของไพบูลย์ ตนเปิด รัฐธรรมนูญดูข้อกฎหมายแล้ว การที่ ส.ส.ที่สังกัดพรรคเดิมจะย้ายไปอยู่พรรคอื่นได้มีอยู่ 2 กรณีเท่านั้น คือ 1.กรณีถูกขับออกจากพรรคที่สังกัดด้วยเสียง 3 ใน 4 ของคณะกรรมการบริหารพรรค โดยต้องไปหาพรรคอื่นสังกัดให้ได้ภาย ใน 30 วัน และ 2.กรณีที่พรรคถูกยุบจากมีความผิดร้ายแรงตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญต้องหาพรรคสังกัด ภาย ใน 60 วัน แต่กรณียื่นขอเลิกกิจการพรรคหรือร้องขอให้ยุบพรรคที่ตัวเองสังกัดแล้วจะย้ายไปสังกัดพรรคอื่นไม่น่าจะทำได้ แม้จะอ้างว่าทำตามข้อบังคับพรรคที่เขียนไว้ก็ตาม นอกจากจะขัดกับรัฐธรรมนูญแล้ว กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญยังห้ามควบรวมพรรคหลังเลือกตั้งจะควบรวมได้ต้องหลังสภาฯสิ้นวาระหรือหลังการยุบสภาฯ

หัวชนฝาเปิดช่องต้อน ส.ส.เข้าคอก

นายสามารถกล่าวว่า “ผมเห็นว่าไม่ว่าจะโดยลายลักษณ์อักษรหรือเจตนารมณ์ของรัฐ ธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมือง จึงกระทำไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นก็จะเปิดช่องให้มีการกวาดต้อน ส.ส.จากพรรคเล็กเข้าพรรคใหญ่ด้วยวิธีขอเลิกกิจการพรรคกันหมด นี่ยังไม่พูดถึงว่าจะเอาคะแนนบัญชีรายชื่อจากพรรคเดิมไปรวมกับพรรคที่จะย้ายเข้าไปสังกัดได้อย่างไร จะตรงเจตนาของเสียงประชาชนที่เลือกสนับสนุนพรรคที่ถูกเลิกกิจการ”

“วิษณุ” ยังชิ่งโยนให้ กกต.ตอบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงความชัดเจนการนับคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ภายหลังนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยื่นเลิกกิจการพรรคประชาชนปฏิรูปประกาศจะย้ายเข้าพรรค พปชร.ว่า ให้ถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดีกว่าว่าจะต้องเอาคะแนนมาเฉลี่ยแบบไหน ในรัฐธรรมนูญให้ กกต.เป็นฝ่ายคำนวณและเป็นคนตอบ เมื่อถามว่า เรื่องการรวมคะแนนปาร์ตี้ลิสต์สามารถรวมได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เริ่มต้น กกต. จะเป็นคนชี้ หลังจากนั้นถ้าเห็นว่า กกต.ชี้ไม่ถูกต้องไปศาล ไม่ยุ่งยากอะไร เมื่อถามว่า เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เคย แต่บังเอิญรัฐธรรมนูญฉบับก่อนใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แต่ฉบับนี้ใช้บัตรใบเดียว ดังนั้น จะทำอย่างไรให้ กกต.เป็นคนตอบ

“ไพบูลย์” ยอมรับโอนแต้มไม่ได้

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ปชช.ให้สัมภาษณ์ขณะเดินทางเข้าไปเซ็นเอกสารที่สำนักงาน กกต.ว่า มั่นใจว่าน่าจะยุบพรรค ปชช.ได้เพราะเข้าเงื่อนไขตามกฎหมาย เมื่อ กกต.ประกาศยุบในราชกิจจานุเบกษาจะเดินทางไปสมัครสมาชิก พปชร.ทันที แต่ยอมรับว่าไม่สามารถนำคะแนนของพรรค ปชช.โอนไปให้ พปชร.ได้ และหากภายใน 1 ปีมีการเลือกตั้งใหม่ มีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ คะแนนของพรรคที่มีอยู่กว่า 45,000 คะแนนไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้ ส.ส.ยินดีที่จะพ้นจากตำแหน่ง แต่บัญชีรายชื่อของพรรคพลัง–ประชารัฐไม่มีการเปลี่ยนแปลง ที่ตนไปสมัครทำให้จำนวน ส.ส.ของ พปชร.เพิ่มเท่านั้น ไม่ได้ไปอยู่ในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ อย่างไรตาม การที่ตนย้ายพรรคในครั้งนี้เพราะการเลิกพรรค แต่ไม่ได้เพราะหนีความเสี่ยงที่จะหลุดจาก ส.ส.เพราะคะแนนของ ปชช.ยังอยู่ในเซฟโซน

27 ส.ค.ชง กกต.ถกยุบพรรค ปชช.

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียน เปิดเผยว่า ในวันอังคารที่ 27 ส.ค.จะนำเรื่องการเสนอขอยุบเลิกพรรค ปชช.ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน เข้าเสนอต่อที่ประชุม กกต.เพื่อให้พิจารณาตามมาตรา 91 ซึ่งเป็นเรื่องพรรค การเมืองสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองมีทั้งหมด 7 กรณี เบื้องต้นนายไพบูลย์ได้จัดส่งเอกสารครบแล้ว และพร้อมที่จะนำเข้าพิจารณาที่คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากเป็นการพิจารณาตามข้อกฎหมาย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ กกต. อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการยื่นขอยุบพรรคมีพรรคการเมืองอื่นยื่นเรื่องมาเช่นกันแต่เป็นพรรคที่ไม่มี ส.ส.

“อนุดิษฐ์” มั่นใจ พท.ไร้รอยร้าว

ส่วนกระแสงูเห่าภาค 2 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ยื่นสอบนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม และนายตี๋ใหญ่ พูนศรีธนากูล ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กรณีไปต้อนรับนายกฯ ว่า เป็นสิทธิตามข้อบังคับของพรรค ร้องเรียนได้หากเห็นว่าการกระทำของเพื่อนสมาชิกไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรคที่มีเหมือนกันทุกพรรค เมื่อเรื่องมาถึงกรรมการบริหารพรรคจะตรวจสอบข้อเท็จจริง คงเป็นเรื่องปกติเมื่อมีความไม่สบายใจต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงผู้ถูกตรวจสอบจะได้มีโอกาสชี้แจง ไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง แต่ไม่อยากให้คิดไปถึงขั้นเป็นงูเห่าภาค 2 และตนไม่กังวลเรื่องงูเห่า

“สุทิน” เย้ยชีวิตงูเห่าไม่ค่อยสมหวัง

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีนายยุทธพงศ์ ยื่นสอบ 2 ส.ส.ที่ไปต้อนรับนายกฯ คงเกิดความขุ่นเคืองกันนิดหน่อยสักระยะหนึ่งจะหายไปสุดท้ายจะปรับความเข้าใจกันได้ไม่ขยายตัว เมื่อถามถึงกระแสงูเห่าภาค 2 นายสุทินตอบว่า เป็นเพียงความหวาดระแวงกันในท่าที ขณะนี้ไม่มีหลักฐานอะไรที่ชัดเจน ตนไม่กังวลเพราะเชื่อว่าทุกคนได้เห็นแล้วคนที่ออกจากพรรคเพื่อไทยไม่ค่อยมีใครสมหวัง ออกไปแล้วลำบากใครจะไปต้องคิดหนัก มีบทเรียนให้เห็นชัดเจนมาโดยตลอด

“สมศักดิ์” ยืนกรานไม่ไขก๊อก ส.ส.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ให้ 5 รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพิจารณาลาออกว่า รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ทั้ง 5 คนคงยังไม่ถึงขั้นลาออกจาก ส.ส. คิดว่าที่เป็นอยู่จะสามารถทำงานในภาพรวมทั้งหมดได้ดีกว่า จะได้ประสานงานกับ ส.ส.และรัฐบาล รวมถึงกระทรวงต่างๆได้ดีกว่า เวลารัฐมนตรีเข้าไปประชุมสภาฯ ส.ส.จะคึกคักจะฝากเรื่องงาน ปรึกษาหารืออะไรต่างๆ ทั้ง ส.ส.ใหม่มีเข้ามาเยอะไม่ได้คุ้นเคยรู้จักกันจะได้สัมพันธ์และประสานงานกัน ถ้ามีแต่ ส.ส.ใหม่ทั้งหมดแล้วรัฐมนตรีกับ ส.ส.ไม่รู้จักกัน การทำงานจะทำไม่ได้ เรื่องนี้ได้พูดคุยกันดูแล้ว

การันตี 5 รมต.ถ่างขางานไม่สะดุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า เบื้องต้นรัฐมนตรีทั้ง 5 คน เห็นตรงกันไม่ต้องลาออกจาก ส.ส.หรือไม่ นายสมศักดิ์ ตอบว่า คล้ายๆกัน แต่คงตอบแทนคนอื่นไม่ได้ เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าการทำงานใน 2 สถานะจะไม่สะดุด นายสมศักดิ์ตอบว่า ที่ทำมาทำได้ดี มติอะไรต่างๆไม่ได้หลุด แต่ต่อไปไม่แน่ใจแล้วแต่สถานการณ์ เมื่อถามว่า ได้แจ้งกับ พล.อ.ประวิตร หรือยัง นายสมศักดิ์ตอบว่า ยังไม่ได้แจ้ง พล.อ.ประวิตรไม่ได้บอกให้ลาออก แค่บอกให้ดูๆเอา อะไรที่จะเป็นประโยชน์กับส่วนรวมได้มากกว่าเอาตามนั้น

เชื่อนักข่าวไม่รับเงินเขียนเชียร์

นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงกระแสข่าวจ้างนักข่าวในกระทรวงยุติธรรมบางคนให้เขียนข่าวเชียร์ตัวเองว่า คงสับสนคงไม่ใช่ตน เพราะเวลาตนพูดอะไรเห็นนักข่าววิ่งตามแล้วเป็นข่าวทั้งนั้น แล้วจะไปจ้างอะไรใคร คิดว่าคงเป็นเรื่องของผู้อื่นไปดูให้ดี ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการอ้างชื่อ รมว.ยุติธรรม ได้ตรวจสอบหรือยัง นายสมศักดิ์ตอบว่า ไม่มีใครอ้างชื่อตน เพียงแต่มีการเลียบๆเคียงๆไป แต่ยืนยันไม่ใช่ตน ไม่ทำอย่างนั้น จะไปจ้างทำไม เพราะเห็นนักข่าววิ่งตามให้ตนพูดหน่อยทุกที เป็นข่าวตูมตาม ไม่ต้องจ้างหรอก ผู้สื่อข่าวใครจะไปรับเงิน ไม่มีหรอกเชื่อมั่นมาก

“วิรัช” ยัน รบ.แบ่งเค้ก กมธ.ลงตัว

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎร ได้ผ่านข้อบังคับการประชุมสภาฯไปแล้วเมื่อวันที่ 22 ส.ค. หลังจากนี้จะได้หารือกันถึงการตั้งคณะกรรมาธิการ 35 คณะว่า แต่ละพรรคจะได้สัดส่วนจำนวนเท่าไร และจากนั้นจะให้แต่ละพรรคไปคัดสรรจัดการกันเองเป็นการภายใน ทุกอย่างน่าจะไม่มีปัญหาอะไร โดยในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ จะประชุมหารือกันหลังจากการประชุมรัฐสภาอาเซียนจบลงแล้ว จะเปิดให้ ส.ส.แต่ละคนเลือก กมธ.ตามความถนัด ขณะนี้เริ่มมีคนทยอยส่งรายชื่อมาให้บ้างแล้ว ส่วนการเลือกประธาน กมธ.แต่ละคณะจะคัดสรรตามความเหมาะสมและความสามารถ ทั้งหมดน่าจะลงตัว และเรียบร้อยโดยไม่น่าจะมีความขัดแย้งในการแย่งตำแหน่ง กมธ.แต่ละคณะ

“วิษณุ” รอลุ้นวันอภิปรายถวายสัตย์ฯ

อีกเรื่อง ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติกรณีการกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนว่า นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ยังไม่ได้มาหารือกับตน แต่กับคนอื่นไม่ทราบ เท่าที่ดูจริงๆถ้าเปิดอภิปรายในเดือน ส.ค.ไม่ได้ติดอะไร แต่ถ้าสภาฯติดปัญหาเลื่อนไปเป็นเดือน ก.ย.ได้ แต่รัฐบาลอยากรู้ล่วงหน้าเร็วพอสมควรเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะมีภารกิจและจะมีปัญหาไม่สะดวก วันที่ 18 ก.ย. สภาฯจะปิดสมัยประชุม ประธานสภาฯบอกว่าไม่เอาวันธรรมดาก็ดี แต่ไม่คิดว่าจะประชุมกันวันเสาร์อาทิตย์

ญัตติ ม.152 มุ่งซักนายกฯต้องตอบ

เมื่อถามว่า ในการอภิปรายทั่วไปถ้านายกฯไม่ตอบได้หรือไม่ เพราะเป็นการถามคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายวิษณุตอบว่า ตอบอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าอภิปรายถามนายกฯต้องตอบ แต่ถ้าถาม ครม.ใครรู้ต้องตอบ ซึ่งมีคนที่รู้เรื่องอยู่หลายคน อีกไม่กี่วันคงชัดเจนขึ้น เมื่อถามว่า ต้องนำเรื่องการอภิปรายประเด็นถวายสัตย์ฯเข้าหารือในที่ประชุม ครม.หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ถ้ามีญัตติออกมาต้องเอาเข้าที่ประชุม ครม.เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เป็นญัตติถาม ครม.ไม่ใช่ญัตติถามคนใดคนหนึ่ง ถ้าคำถามพุ่งตรงไปที่ใครคนนั้นต้องตอบ แต่ถ้ามาตรา 151 นั้นถามแค่คนใดคนหนึ่ง

แจง ส.ส.ยืมรถเพื่อนใช้ได้ตาม ก.ม.

นายวิษณุกล่าวถึงกรณีที่นายพิษณุ พลธี ส.ส. ปทุมธานี พรรคภูมิใจไทย แสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุได้รถยนต์มาจากเพื่อนว่า ป.ป.ช.ชี้แจงออกมาแล้วไม่ใช่หรือว่าระหว่างยืมใช้คงรูปกับยืมใช้สิ้นเปลือง การแจ้งนั้นต่างกัน ยืมใช้คงรูปคือยืมอะไรต้องคืนอย่างนั้น ส่วนยืมใช้สิ้นเปลือง เช่น ยืมเงินมาเป็นของเรา วันหลังไปคืนจำนวนเดิม แต่ไม่ต้องนับธนบัตรใบเดิม ดังนั้น มีเกณฑ์อยู่แล้ว เมื่อถามว่า ไม่ได้มีความผิดปกติอะไรใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่รู้ ตนไม่ทราบ

ฝ่ายค้านจัดเวทีเดินหน้าแก้ รธน.

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย รองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวว่า จะจัดโครงการฝ่ายค้านเพื่อประชาชนสัญจร 4 ภาค รับฟังปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน มีหัวหน้าพรรค แกนนำพรรค ทั้ง 7 พรรคร่วมลงพื้นที่ทำกิจกรรม เริ่มที่ภาคเหนือจัดที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 31 ส.ค.-1 ก.ย. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ จ.มหาสารคาม วันที่ 14-15 ก.ย. ภาคกลางและภาคตะวันออกที่ จ.ฉะเชิงเทรา วันที่ 21-22 ก.ย. และภาคใต้ที่ จ.ยะลา วันที่ 28-29 ก.ย. ทั้งนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือทางออกปลดล็อกประเทศ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมจากประชาชนตั้งแต่ก้าวแรก

“นิกร” ติงให้ใช้สภาฯแก้เป็นหลัก

นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ตนสนับสนุนญัตติของ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษากระบวนการ และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และพร้อมจะเข้าร่วมเป็น กมธ.และในฐานะที่ตนเคยเป็น กมธ.ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มองว่าแนวทางศึกษาไม่ควรเริ่มประเด็นที่เกิดจากปัญหาของนักการเมืองหรือนักการเมือง แต่ควรเริ่มจากผลกระทบและปัญหาที่เกิดกับประชาชน เพื่อสร้างแนวร่วมในการแก้ไขและราบรื่น แนวทางศึกษารายละเอียดรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 อาจยากและแตกต่างกว่าเพราะมีเนื้อหาว่าด้วยบทถาวรและบทเฉพาะกาล ที่มีเงื่อนไขและระยะเวลาการบังคับใช้ ส่วนฝ่ายค้านจะใช้เวทีภาคประชาชนเดินหน้ารณรงค์แก้ไขสามารถทำได้ แต่ควรใช้เวทีสภาฯเพื่อหาแนวทางร่วมกัน เพราะระบบรัฐสภาถือเป็นหลักพึ่งพิงต่อการแก้ปัญหา

นายกฯย้ำ ขรก.ต้องมีธรรมาภิบาล

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ให้การต้อนรับคณะผู้นำภาคราชการพลเรือนอาเซียน และเลขาธิการอาเซียน ที่เข้าเยี่ยมคารวะโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมผู้นำภาคราชการพลเรือนอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการครั้งที่ 3 โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ชื่นชมความร่วมมืออาเซียนด้านกิจการราชการพลเรือนที่มีผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ขยายความร่วมมือไปยังประเทศคู่เจรจาได้ รัฐบาลไทยมีนโยบายพัฒนาระบบราชการให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีธรรมาภิบาล

ปลื้ม ส.ว. “แทมมี ดักเวิร์ธ” มาเยือน

เวลา 11.00 น. นางแทมมี ดักเวิร์ธ สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา ที่เดินทางมาราชการที่ประเทศไทยระหว่างวันที่ 21-23 ส.ค. เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยินดีที่นางแทมมีรับเชิญให้ไปบรรยายพิเศษที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) ชื่นชมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบสตรีอเมริกันเชื้อสายไทยคนแรกที่ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ทั้งเคยรับราชการทหารสหรัฐฯถือเป็นเพื่อนร่วมอาชีพ เป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจให้กับคนจำนวนมาก ไทยพร้อมสนับสนุนการดำเนินบทบาทที่สร้างสรรค์ของสหรัฐฯ ขณะที่นางแทมมีกล่าวว่า ยินดีที่ได้เห็นพัฒนาการทางการเมืองและเศรษฐกิจของไทย ทำให้ไทยกับสหรัฐฯดำเนินความสัมพันธ์ได้เต็มรูปแบบ เชื่อมั่นว่าในฐานะมิตรประเทศจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดต่อกันในทุกมิติต่อเนื่อง

ชมฮอลแลนด์ป้องสิทธิเหมือนไทย

ต่อมาเวลา 13.30 น. นายเฟอร์ดินาน ครัปเปอร์เฮาส์ รมว.ยุติธรรมและความมั่นคง ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ชื่นชมเนเธอร์แลนด์ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนและการคุ้มครองดูแลคนชาติของตน ซึ่งล้วนเป็นประเด็นที่รัฐบาลไทยสนับสนุนให้ความสำคัญเช่นกัน รวมถึงนโยบายการส่งเสริมระบบพหุภาคีนิยมบนพื้นฐานของกฎกติการะหว่างประเทศ การพัฒนาอย่างยั่งยืน ขอเชิญชวนให้เนเธอร์แลนด์เข้ามาขยายการลงทุนในไทยโดยเฉพาะโครงการ EEC นายเฟอร์ดินานกล่าวว่า ยินดีที่ความสัมพันธ์ไทย-เนเธอร์แลนด์พัฒนามากว่า 415 ปี ครอบคลุมหลากหลายสาขาในทุกระดับ

โยกทหารคุม สมช. 3 สมัยรวด

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้เสนอชื่อ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา รองปลัดกระทรวงกลาโหม ขึ้นเป็นเลขาธิการ สมช.คนใหม่ แทน พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการ สมช.ที่จะเกษียณ เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งนี้ พล.อ.สมศักดิ์เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น (ตท.) 19 จะเกษียณปี 63 ถือเป็นนายทหารคนที่ 3 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาถึงรัฐบาลปัจจุบัน ที่โยกย้ายนายทหารจากกองทัพมาเป็นเลขาธิการสมช.ต่อจาก พล.อ.ทวีป เนตรนิยม และ พล.อ.วัลลภ อย่างไรก็ตาม สิ้นเดือน ก.ย.นี้ จะมีรองเลขาธิการสมช. เกษียณอีก 2 คน ปรากฏชื่อ พล.ท.ณตฐพล บุญงาม เจ้ากรมข่าวทหาร บก.กองทัพไทย ตท.21 จะถูกโยกมาเป็นรองเลขาธิการ สมช. 1 ตำแหน่ง ทั้งนี้ พล.ท.ณตฐพลยังเหลืออายุราชการอีก 3 ปี

“จุรินทร์” ตรวจโหลดผลไม้ขึ้นเครื่อง

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ท่าอากาศยานจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ ในฐานะรองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ พร้อมคณะ อาทิ นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วย รมต. กระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกุล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการช่วยเหลือชาวสวนผลไม้ โดยกระทรวงพาณิชย์กับความร่วมมือของสายการบินต่างๆที่ให้รับกล่องใส่ผลไม้พื้นถิ่นขึ้นเครื่องบินได้ 20 กิโลกรัม (กก.) โดยไม่เสียค่าระวางสินค้า โดยมีคณะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ตัวแทนประชาชนและชาวสวนผลไม้ในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ อาทิ นายสินิตย์ เลิศไกร และนายธีรภัทร พริ้งศุลกะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี

4 สายการบินโหลดฟรี 20 กก.

นายจุรินทร์กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้จัดขนาดกล่องบรรจุผลไม้ไว้ 2 ขนาดคือ 5 กก. และ 10 กก. แต่เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถนำผลไม้ขึ้นเครื่องได้ฟรี 20 กก. ต่อคน กระทรวงพาณิชย์ได้ทำ MOU กับสายการบิน 4 บริษัทได้แก่ ไทยสมายล์ บางกอกแอร์เวย์ส นกแอร์ และแอร์เอเชีย ขณะนี้ราคาผลไม้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอใช้ได้ ตรงนี้จึงเป็นโมเดลทดลองหากเป็นที่พอใจ และกระทรวงพาณิชย์จะดำเนินนโยบายนี้ต่อไปในทุกฤดูกาลผลิตผลไม้ โดยอีกประมาณ 1 เดือน จะมีการประเมินตัวเลข จำนวนและปริมาณผลไม้ที่สามารถกระจายได้ด้วยช่องทางดังกล่าว นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้ประสานไปยังบริษัทไปรษณีย์ไทย ให้มีการออกแอปพลิเคชัน เพื่อเป็นช่องการทางการกระจายผลไม้จากชาวสวนไปสู่ผู้บริโภคอีกช่องทางหนึ่งด้วย สำหรับวันที่ 31 ส.ค.-1 ก.ย.นี้ ตนจะนำคณะลงพื้นที่เพื่อไปดูลองกองในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และจะนำโมเดลนี้ไปใช้

เดินเครื่องแก้ปาล์มราคาตก

ต่อมาช่วงบ่าย นายจุรินทร์นำคณะพบชาวสวนปาล์ม และผู้ประกอบการโรงงานสกัดปาล์มน้ำมัน ที่โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม บริษัท นิวไบโอดีเซล จำกัด ต.เสวียง อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี โดยได้หารือแลก เปลี่ยนข้อมูลกับผู้ประกอบการปาล์มน้ำมันในเรื่องของปริมาณปาล์มที่ผลิตได้ในประเทศ ปริมาณการใช้ และการนำปาล์มไปผลิตพลังงานไฟฟ้า พลังงานทดแทน รวมทั้งการส่งออก ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง หลังหารือนายจุรินทร์เผยว่า ข้อมูลทั้งหมดจะนำเข้าสู่การประชุม ครม.วันที่ 27 ส.ค.นี้ พร้อมกับเสนอนโยบายประกันรายได้ชาวสวนปาล์ม และเสนอมาตรการควบคู่เพื่อทำให้ราคาปาล์มในประเทศมีราคาสูงขึ้น คือ 1.เสนอให้มีการใช้น้ำมัน B10 แบบบังคับก่อนสิ้นปี 2562 2.นำน้ำมันปาล์มไปผลิตกระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 1.3 แสนตัน และจำนวนสำรองอีก 1 แสนตัน รวมเป็น 2.3 แสนตัน 3.ติดตั้งมิเตอร์เพื่อตรวจวัดจำนวนสต๊อกปาล์มน้ำมันดิบในประเทศแบบเรียลไทม์นาทีต่อนาที เพื่อประโยชน์ต่อการบริหารจัดการได้อย่างแม่นยำ 4.เร่งรัดส่งออกน้ำมันปาล์มไปยังประเทศอินเดีย จีน โดยภาครัฐจะสนับสนุนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เรื่องสำคัญที่สุดคือการจัดการกับกลุ่มผู้ลักลอบนำเข้าปาล์มน้ำมันเถื่อนที่ผิดกฎหมาย จะต้องมีมาตรการเด็ดขาด เพราะถือเป็นมะเร็งร้ายทำลายประเทศชาติ

ไข่ “ลุงตู่” แพงพุ่ง 3.10 บาทต่อฟอง

นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ไข่ไก่แพง ปัญหาปากท้องที่รัฐบาลควรดูแล” ว่า วันนี้สินค้าที่รัฐบาลควรเข้าไปดูแลอย่างเร่งด่วนคือ “ไข่ไก่” อาหารยามยากของคนจน เพราะ ปัจจุบันราคาเพิ่มขึ้นสูงมาก ไข่คละหน้าฟาร์ม ณ วันที่ 19 ก.ค. อยู่ที่ 3 บาท/ฟอง (90 บาท/แผง) ตาม ประกาศสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออก แต่ในขณะนี้ราคาเพิ่มเป็น 3.10 บาท เท่ากับ 93 บาทต่อแผง ในส่วนของผู้บริโภคที่ซื้อตามตลาด ร้านสะดวกซื้อ หรือห้างสรรพสินคา ต้องจ่ายเงินมากขึ้นตามไปด้วย จากการศึกษาพบว่า ปริมาณผลผลิตไข่ไก่ต่อวันอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านฟอง ถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอดีและเพียงพอกับการบริโภคภายในประเทศ มาตรการเข้มงวด ของกรมปศุสัตว์ที่ให้ปลดแม่ไก่ยืนกรงที่ 78 สัปดาห์ เพื่อแก้ปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด ทำให้ราคาไข่ไก่ขยับขึ้นตามลำดับจนมาอยู่ที่ 3.10 บาท/ฟองในปัจจุบัน ภาครัฐจึงควรทบทวนมาตรการดังกล่าว ขยายเวลาการปลดแม่ไก่ยืนกรงซึ่งปกติจะปลดกันที่ 90 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มผลผลิตในประเทศให้มากขึ้น ไม่ให้ราคาไข่ไก่สูงจนเกินไป

รัฐสภาไทยพร้อมจัดงานยักษ์

นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ เลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีการประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียนครั้งที่ 40 ว่า ขณะนี้พร้อมทุกอย่างแล้ว จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25-30 ส.ค. ที่โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ภายใต้หัวข้อ “นิติบัญญัติร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกลเพื่อประชาคมที่ยั่งยืน” เป็นเวทีใหญ่หารือ ระหว่างรัฐสภาของประเทศสมาชิก เพื่อร่วมขับเคลื่อนประชาคมอาเซียน ผลักดันให้บรรลุข้อเสนอต่างๆที่เคยเสนอต่อผู้นำอาเซียน เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการรักษาสิ่งแวดล้อม การยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ การปฏิวัติอุตสาหกรรมและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจในอาเซียนอย่างเท่าเทียม นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานสมัชชาอาเซียน เป็นประธานเปิดประชุม โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ร่วมในพิธี

“บิ๊กป๊อก” ประกาศให้ทวงหนี้วันละครั้ง

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ เรื่องจำนวนครั้งในการติดต่อทวงถามหนี้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 (3) และมาตรา 16 (1) แห่ง พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 คณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ออกประกาศไว้ให้ประกาศนี้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยให้ผู้ทวงถามหนี้ติดต่อลูกหนี้หรือบุคคลซึ่งลูกหนี้ได้ระบุไว้เพื่อการทวงถามหนี้ได้ทราบ การทวงถามหนี้ไม่เกิน 1 ครั้งต่อ1 วัน ประกาศ ณ วันที่ 30 ก.ค. พ.ศ.2562 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ประธานกรรมการกำกับการทวงถามหนี้

Let's block ads! (Why?)



2019-08-23 22:25:00Z
https://www.thairath.co.th/news/politic/1644730

อ่านต่อไป >>>>


Share:

0 Comments:

Post a Comment