28 ส.ค. 62 - ที่สถานีตำรวจภูธรหนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภาค 9) พล.ต.ต.โพธ สวยสุวรรณ รอง ผบช.ภาค 9 พล.ต.ต.ดำรัช วิริยะกุล รอง ผบช.ภาค 9 พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (ผบก.ภ.จ.ปัตตานี) พล.ต.ปิยพงษ์ วงศ์จันทร์ ผบ.ฉก.ปัตตานี ได้ร่วมกันวิเคราะห์เบาะแสลักษณะการก่อเหตุของคนร้ายไปที่การลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็มที่ผ่านมา จากเบาะแสมีความเข้าใจว่าเป็นเพียงการสร้างสถานการณ์ แต่พบความพยายามก่อเหตุหวังเอาเงินภายในตู้ ซึ่งภายหลังรู้วิธีการระเบิดตู้เพื่อนำเงินในตู้ไปได้แล้ว จนกระทั่งมาทำการปล้นร้านทองที่ อ.นาทวี ดังกล่าว จึงวิเคราะห์ว่านำเงินไปสนับสนุนขบวนการ จากนั้นจึงได้ร่วมกันแถลงข่าวคืบหน้าคดีคนร้ายปล้นร้านทอง ห้างทองสุธาดา กลางตลาด อ.นาทวี จ.สงขลา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากก่อนหน้านี้ได้ร่วมประชุมกับชุดสืบสวนสอบสวนจนรู้ตัวคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้
โดย พล.ต.ท.รณศิลป์ กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุชุดสืบสวนสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จนรู้ตัวผู้ที่ร่วมก่อเหตุแล้ว 2 คนและกำลังเตรียมที่จะออกหมายจับ คือ นายแวอูเซ็ง ดือราเฮ็ง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญา คดีความมั่นคง จำนวน 3 คดี ในพื้นที่ จ.ปัตตานี ทั้งของ ปี 61 จำนวน 2 หมาย และปี 62 จำนวน 1 หมายและ นายไซฟูดดิน หะยีปูเต๊ะ มีหมายจับ ป.วิอาญาคดีความมั่นคง จำนวน 4 หมาย เป็นหมายจับของศาล จ.นาทวี เมื่อปี 2560 หมายจับศาล จ.สตูล เมื่อปี 2560 และ หมายจับของศาล จ.ปัตตานี ปี 61 และ 62
จากแนวทางการสืบสวนสอบสวนพยานหลักฐานจากนิติวิทยาศาสตร์ พบหลักฐานชี้ให้เห็นว่าเป็นกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบ แต่กลับมาก่อเหตุจี้ปล้นร้านทอง จากการวิเคราะห์ได้มองปัจจัยหลายๆ เรื่อง เพราะเห็นจากหลายๆ คดีที่ผ่านมา สถิติพบการก่อเหตุ เช่น การวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม เป็นอีกคดีที่ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มขบวนการทำการก่อเหตุเพื่อหวังนำเงินและไปทำอะไร ซึ่งทางการข่าวต้องทำการวิเคราะห์ รวมทั้งล่าสุดก่อเหตุปล้นร้านทองเช่นกัน ส่วนการติดตามทองที่ถูกปล้นไปว่าจะมีการนำไปหลอมขายแล้วนำเงินกลับมาสู่กลุ่มขบวนการซึ่งเป็นอีกเบาะแส
ส่วนของรูปแบบการก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายในห้วงหลังที่ผ่านมา ได้มีการวิเคราะห์ว่า การก่อเหตุมีการพัฒนารูปแบบเป็นการปล้นทรัพย์เพื่อนำเงินสนับสนุนกลุ่มขบวนการหรือไม่นั้น ผบช.ภาค 9 ระบุว่า มีการวิเคราะห์รูปแบบการก่อเหตุเหมือนกันว่า ขบวนการต้องการนำเงินไปทำอะไรหรือไม่สามารถควบคุมกลุ่มบางกลุ่มได้แล้ว หรือ ผลจากการประกาศใช้ชุดจรยุทธควบคุมหมู่บ้านพื้นที่เป้าหมายของแม่ทัพภาค 4 ส่งผลให้มีการกดดันกลุ่มแนวร่วมออกนอกพื้นที่เป็นจำนวนมาก จนทำมีการรวมกลุ่มและไม่รู้ทำอะไรจึงชวนกันก่อเหตุปล้นขึ้นมา
ด้าน พล.ต.ปิยพงษ์ วงศ์จันทร์ ผบ.ฉก.ปัตตานี กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังฝ่ายตำรวจมีการสืบสวนสอบสวนพบเบาะแสประเด็นสาเหตุของการปล้นร้านทอง ซึ่งมีกลุ่มขบวนการเข้าไปเกี่ยวข้องจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบหาเงินสนับสนุนขบวนการหรือไม่นั้น ฝ่ายกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า จึงได้มีคำสั่งปรับรูปแบบกำลังพลเข้ามาร่วมทำงานประสานกับฝ่ายตำรวจ และปกครอง เพื่อดำเนินการเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัย โดยเฉพาะ 4 อำเภอของ จ.สงขลากลายเป็นพื้นที่หลบหนีและซ่องซุ่ม และพื้นที่เองไม่มีกฎหมายบังคับใช้รับรอง จึงกลายเป็นแหล่งพังพิงของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ ดังนั้นการปรับแผนจึงต้องดึงกำลังภาคประชาชนเข้ามาร่วมในการดูแลควบคุมพื้นที่ต่อไป.
2019-08-28 07:39:01Z
https://www.thaipost.net/main/detail/44480
0 Comments:
Post a Comment