Tuesday, August 13, 2019

'มงคลกิตติ์'สาวไส้ตัวเอง! รับไม่ได้ผู้ใหญ่'พปชร.'เบี้ยว2ครั้ง ไม่ให้ตำแหน่งผู้ช่วยรมต. - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

'มงคลกิตติ์'สาวไส้ตัวเอง! รับไม่ได้ผู้ใหญ่'พปชร.'เบี้ยว2ครั้ง ไม่ให้ตำแหน่งผู้ช่วยรมต. - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

วันอังคาร ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2562, 15.55 น.

"พี่เต้-มงคลกิตติ์"แฉรับไม่ได้ผู้ใหญ่พปชร.ผิดสัญญา2ครั้ง เผยไม่ให้ตำแหน่งผู้ช่วยรมต.กำกับคลัง จึงต้องแยกตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระเพื่อปชช. เดินหน้าตรวจสอบและตัดสินโหวตเป็นรายครั้ง- ระบุปลื้ม"ธรรมนัส"ไว้ใจได้ พึ่งได้-ให้กู้ พร้อมเตือน9พรรคระวังถูกหลอกซ้ำ ขู่รัฐบาลใกล้เสียงปริ่มน้ำ หวังนายกฯทำตัวเป็นชายชาติทหารแก้ปัญหาถวายสัตย์ พร้อมโชว์พระกริ่งปวเรศทองคำ50ล้าน ใช้ปราบคนไม่รักษาสัจจะ

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2562 ที่โรงแรมเซนทารา ถ.แจ้งวัฒนะ กทม.นายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์  หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมสมาชกพรรคได้แถลงข่าวประกาศเป็นฝ่ายค้านอิสระอย่างเป็นทางการ ว่าพรรคได้มีการประชุมและมีมติเป็นเอกฉันท์ ขอเปลี่ยนสถานะจากพรรคร่วมรัฐบาลมาเป็นฝ่ายค้านอิสระยืนข้างประชาชน โดยไม่ได้เข้าร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน แนวนโยบายของพรรคอะไรที่รัฐบาลทำถูกต้องก็จะสนับสนุน สิ่งใดไม่ถูกต้องก็จะคัดค้าน การทำงานของพรรคจะเป็นเอกเทศ ในสภาผู้แทนราษฎรจะไม่ได้มีแค่รัฐบาลและฝ่ายค้านแต่จะมีฝ่ายค้านอิสระอีก 1 คน


นายมงคลกิตติ์ ได้ชี้แจงเหตุผลที่เข้าร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 26 มี.ค.62 ต้องการเปิดสวิตซ์ประเทศไทย ให้ประเทศก้าวสู่ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างสมบูรณ์และประเทศชาติเดินหน้าได้  นำนโยบายพรรคไทยศรีวิไลย์ไปขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน ให้อำนาจมาตรา 44 หายไป ทหารกลับเข้ากรมกอง สร้างความมั่นใจกับนักลงทุนต่างชาติว่าประเทศไทยกลับมาเป็นประชาธิปไตยแท้จริง

ส่วนเหตุผลที่ออกจากฝ่ายรัฐบาล การทำงานในสภาในฐานะฝ่ายรัฐบาลไม่มีความเป็นอิสระในการตรวจสอบรัฐบาลเพราะต้องเกรงใจกันหลายขั้นตอน อีกทั้งมีการบล็อกกันไม่ให้ได้พูด ให้เวลาในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองน้อยมาก  พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่ให้เกียรติกัน ไม่นำนโยบายพรรคไทยศรีวิไลย์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลไปดำเนินการ กลับสวนทางกันทางนโยบายกันอย่างชัดเจน อาทิ การเร่งจัดซื้อเครื่องบินโบอิ้งและแอร์บัส 38 ลำ 1.56 แสนล้านบาท ทั้งที่การบินไทยขาดทุน แนวคิดหารายได้เพิ่มของ นายอุตมะ สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ฐานะ รมว.คลัง โดยการเพิ่มภาษีน้ำมันผลักภาระให้ประชาชน 67 ล้านคน ทำให้ซ้ำเติมความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่แย่อยู่แล้ว จะทำให้ค่าครองชีพทุกด้านสูงขึ้น การออกนโยบายประชานิยมแบบหายนะ คือ การแจกเงินประชาชน โดยการขาดวินัยทางการเงินการคลัง ซ้ำเติมปัญหาหนี้สาธารณะ จะแจกได้ก็ต่อเมื่อจัดงบประมาณเกินดุล รัฐบาล มีแนวโน้มจะกู้เงิน IMF รอบ2 มาใช้หนี้เงินต้นเดิมจากธนาคารญี่ปุ่นฯ และชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ซึ่งอาจทำให้ประเทศไทยถูกบีบให้ต้องขายรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรออกไปทั้งการไฟฟ้า กฟผ.และต่อไปก็ ปตท.

นอกจากนี้ ผู้ใหญ่ใน พปชร.ไม่รักษาสัจจะในข้อตกลงในการร่วมรัฐบาล ไม่ใส่ใจแก้ปัญหาแบบให้เกียรติกัน ไม่ให้ความสำคัญตั้งแต่ต้น จน 10 พรรคต้องออกมาเรียกร้อง จนมาถึงขณะนี้มันสายเกินไปแล้ว และกรณีนายกรัฐมนตรี กล่าวถวายสัตย์ไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ 2560 และไม่แสดงสปิริตความรับผิดชอบทางการเมือง หรือ แก้ไขให้ถูกต้อง โดยจุดยืนของพรรคจากนี้ไป ตนและผู้บริหารพรรคไทยศรีวิไลย์ ไม่ขอรับตำแหน่งทางการเมืองฝ่ายบริหารใดๆ นอกจาก ตำแหน่ง ส.ส.และจะใช้ สถานะ ส.ส.รับทราบปัญหาของพี่น้องประชาชน ทั่วประเทศ 77 จังหวัด นำเข้าสู่สภาฯ เพื่อไขปัญหาต่อไป ซึ่งส่วนตัวยังเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังสามารถบริหารประเทศต่อไปได้ แต่ต้องแก้ไขสิ่งที่ผิด ให้ถูกต้อง ถึงจะบริหารประเทศต่อไปได้

"ผมยืนยันว่ากับ 9 พรรคเล็กยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเวลาทำงานในสภาก็ยังนั่งทำงานในที่เดียวกัน และยังรักพี่ๆ ทุกคนโดยเฉพาะพี่พิเชษฐ์ (สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย) ที่ผ่านมา ยอมรับว่าพรรคพลังประชารัฐพยายามส่งแกนนำมาประสานปรับความเข้าใจเรื่องตำแหน่งหน้าที่ฝ่ายบริหาร ซึ่งมีทั้ง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ "บิ๊กเยิ้ม" พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ส.ว.โดยเฉพาะ ร.อ.ธรรมนัส ที่ยังไว้ใจได้ เวลาพรรคไทยศรีวิไลย์ ขัดสนยังไปขอยืมเงินได้"นายมงคลกิตติ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ได้รับการประสานแล้วทำไมจึงไม่ยอมกลับไปร่วมรัฐบาลเหมือน 5 พรรคเล็ก นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า มันไม่เหมือนกัน เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นหากผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐรักษาคำพูด ซึ่งไม่ใช่ครั้งเดียวที่ผิดคำพูดแต่เป็นครั้งที่สองแล้ว คำพูดเปลี่ยนไปมาไม่ได้ ตนเป็นหัวหน้าพรรคมีสมาชิกพรรคเป็นหมื่นคนก็จะทำกลับไปกลับมาไม่ได้เหมือนกัน จากนี้การนำเสนอนโยบายของพรรคก็จะเสนอต่อสภา ได้พูดคุยกับประธานสภาฯแล้วว่าจะขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านอิสระ และขอตั้งตัวเองเป็นประธานวิปฝ่ายค้านอิสระ และต่อไปในอนาคตหากส.ส.คนใดอึดอัดต่อการทำงานก็มาร่วมกันได้ และผลัดกันเป็นประธานวิป เราจะไม่มีการบีบบังคับให้พูดหรือไม่พูด

"ผมอึดอัดมาตั้งแต่วันแรกที่ตั้งกระทู้เรื่องซื้อเครื่องบินการบินไทย ถูกบล็อกทั้งจากกลุ่ม 10 พรรคเล็ก วิปรัฐบาล ผู้ใหญ่ในรัฐบาล ถ้าต้องทำงานแบบนี้อีก 3 ปี 10 เดือน คงอกแตกตาย จริงๆ ผมเริ่มคิดที่จะเป็นฝ่ายค้านอิสระตั้งแต่หลังนายกฯแถลงนโยบายต่อสภา ตอนนั้นหมด ม.44 แล้ว แต่ยังไม่มีจังหวะ ครั้งนี้เป็นเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งถือเป็นความสวยงามของประชาธิปไตย ยืนยันถ้ารัฐบาลยังมีชื่อพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกผมก็จะไม่เข้าร่วม" นายมงคลกิตติ์ กล่าว

ส่วนการออกจากพรรคร่วมจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลอย่างไร นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า รัฐบาลมี 254 เสียง เมื่อต้องมีการโหวตจะตัดเสียงประธานสภา และของตนออกไปจะเหลือ 252 และในอนาคตอาจมีการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่จากกรณีทุจริตสนามฟุตซอล 3 คน ฝ่ายรัฐบาลก็จะเหลือ 246 ขณะที่ฝ่ายค้านมี 246 เสียงหยุดปฏิบัติหน้าที่ 1 คน เหลือ 245 ก็ยังถือว่ารัฐบาลสามารถทำงานได้แต่เสียงจะปริ่มน้ำ หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นรายบุคคลเสียงของรัฐบาลก็จะเหลือ 248 เพราะรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายจะไม่สามารถโหวตให้ตนเองได้ ดังนั้นถ้ารัฐบาลทำถูกต้องก็ไม่มีอะไรต้องกังวล และไม่แน่ว่าในอนาคตอาจมีส.ส.ถูกชี้มูลเพิ่มเพราะกรณีฟุตซอลยังมีอีกหลายจังหวัดยังไม่นับรวมคดีทุจริตจำนำข้าวที่ยังเหลืออีกกว่าร้อยสำนวน ซึ่งถ้าป.ป.ช.ไม่เร่งดำเนินการก็จะถูกฟ้องฐานประวิงเวลา

เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าเพราะต่อรองผลประโยชน์ไม่ได้จึงออกมาเป็นฝ่ายค้านอิสระ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า เดิมทีตนไม่จำเป็นต้องต่อรองเลย เพราะพรรค พปชร.รับปากว่าพรรคเราจะได้ตำแหน่งฝ่ายบริหาร 1 ที่แล้วพรรคอื่นไมได้ จริงๆ แล้วเรื่องไม่ใช่ต่อรองประโยชน์ ถ้าได้ผลประโยชน์แล้วจะออกทำไม เรื่องผลประโยชน์แค่ 15% แต่อีก 85% เป็นเรื่องนโยบายที่ขัดแย้งกัน เช่นนายอุตตม ต้องการหารายได้เพิ่มจากการขึ้นภาษีน้ำมัน แต่พรรคเราไม่เห็นด้วย ต้องการผลักดันเปิดเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ คาสิโน เพื่อนำรายได้มาแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ ดังนั้นตนจึงควรได้รับตำแหน่งผู้ช่วย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงการคลังที่จะหาเงินเข้าประเทศ โดยเฉพาะดูปัญหาการหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรของบริษัทนำเข้ารถยนต์ขนาดใหญ่

เมื่อถามต่อว่า มีโอกาสกลับเข้าร่วมรัฐบาลอีกหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ย้ำว่าเป็นเรื่องอนาคตอีกไกลซึ่งขณะนี้ยังไม่มีวี่แวว ต้องดูว่ารัฐบาลเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร แต่ตอนนี้ต้องการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอิสระและขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า 10 ปีที่ผ่านมาทำงานมาหลายอย่าง

นายมงคลกิตติ์ ยังกล่าวถึงกรณีนายกฯกล่าวถวายสัตย์ไม่ครบว่า ถ้าเป็นตนก็ลาออกไปแล้ว เหมือนสมัยพระเจ้าเสือที่พันท้ายนรสิงห์ยอมตายเพื่อรักษากฎมณเทียรบาลทั้งที่ไม่ผิด แต่นี่นายกฯเป็นชายชาติทหารยิ่งต้องมีสามัญสำนึกมากกว่าคนทั่วไป แต่ถ้านายกไม่ลาออก ก็เป็นเรื่องของประชาชนจะพิจารณาอย่างไร จะชุมนุมกันก็ได้

เมื่อถามต่อว่า คิดว่า 9 พรรคเล็ก ที่ยังร่วมรัฐบาลจะไม่ถูกหลอกในเรื่องตำแหน่งทางการเมืองหรือ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ถ้าเราคุยกับผีก็จะถูกผีหลอก นี่เราตกลงกับคนยังโดนหลอก ความจริงมนุษย์ไม่น่าจะหลอกกัน นี่ขนาดยังไม่ตายยังหลอกกันขนาดนี้ ถ้าตายจะหลอกกันขนาดนี้ ยืนยันว่าผมไม่กลัว ผมมีพระ ทั้งนี้นายมงคลกิตติ์ กล่าวพร้อมโชว์พระกริ่งปวเรศทองคำ ที่พกติดตัว และระบุว่า พระองค์นี้มีพุทธคุณเอาชนะคนชั่ว คนไม่รักษาสัจจะ ซึ่งผมจะชี้แจงพระองค์นี้ในบัญชีทรัพย์สินที่ต้องยื่นต่อ ป.ป.ช.โดยผมประเมินราคาไว้ที่ 50 ล้านบาท เพราะเป็นมรดกตกทอดต่อกันมารุ่นต่อรุ่น และเชื่อว่านายกฯ คงจะไม่มี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเปิดตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระก็ได้มีกลุ่มประธานสภาลูกหนี้กู้วิกฤตชาตินำดอกไม้มาให้กำลังใจ พร้อมระบุว่าให้รักษาจุดยืนจะเปลี่ยนไปมาเหมือน 9 พรรคเล็ก คราวหน้าเลือกตั้งเชื่อว่าจะได้มาเป็นแสนคะแนน ขณะที่องค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ ก็ได้ยื่นข้อร้องเรียนทันทีในเรื่องการปกป้องพระพุทธศาสนาทันที

Let's block ads! (Why?)



2019-08-13 08:55:00Z
https://www.naewna.com/politic/432967

อ่านต่อไป >>>>


Share:

Related Posts:

0 Comments:

Post a Comment