ลูกจ้างโรงงานยางรถยนต์ที่อ้อมน้อย ถูกประกาศเลิกจ้างกะทันหัน ตกงานแบบไม่ทันตั้งตัว 997 ชีวิตรวมตัวที่สหภาพฯ ปักหลักเรียกร้องความเป็นธรรม ไม่เชื่อเป็นเพราะพิษเศรษฐกิจ ชี้บริษัทมีกำไรจ้างทำโอทีทุกวัน
จากเหตุการณ์บริษัทพงศ์พาราโคดันรับเบอร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 402 หมู่ที่ 2 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ประกาศปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงานอย่างกะทันหัน เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้พนักงานหรือลูกจ้างของบริษัทฯ จำนวน 997 คน ต้องตกงาน นำไปสู่การรวมตัวที่สหภาพแรงงานผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไทย ตั้งอยู่เลขที่ 26/12 หมู่ที่ 3 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เพื่อเรียกร้องคืนความเป็นธรรมให้แก่พนักงาน
วันที่ 24 ธันวาคม ตั้งแต่เช้า ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปดูบรรยากาศที่ด้านหน้าบริษัทพงศ์พาราโคดันรับเบอร์ จำกัด พบว่าเงียบเหงา แต่เมื่อมองเข้าไปด้านใน เห็นมีคนงานที่แต่งกายด้วยชุดสีอื่น ที่ไม่ใส่เสื้อสีน้ำเงินซึ่งเป็นชุดของพนักงานบริษัทพงศ์พาราโคดันรับเบอร์ จำกัด เมื่อสอบถาม รปภ.ที่เฝ้าหน้าประตูโรงงานก็บอกว่า คนงานเหล่านั้นเป็นของอีกบริษัทหนึ่ง ที่มาขอแบ่งเช่าพื้นที่บริษัทพงศ์พาราฯ ในการประกอบธุรกิจ อะไหล่ยางยนต์เหมือนกัน
จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สำนักงานสหภาพแรงงานผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไทย ซึ่งมีพนักงานของบริษัทพงศ์พาราโคดันรับเบอร์ จำกัด มารวมตัวกันอยู่จำนวนมาก เพื่อรอรับฟังข่าวสารและความเคลื่อนไหวต่างๆ ของบริษัทผ่านทางสหภาพแรงงานฯ และร่วมกันหาแนวทางขับเคลื่อนเรียกร้องคืนความเป็นธรรม ที่สำคัญ ต้องการคำตอบ ไขข้อข้องใจที่ทุกคนยังเคลือบแคลงสงสัยว่า การประกาศปิดกิจการครั้งนี้ เป็นการปิดกิจการจริงๆหรือไม่
บรรยากาศที่สหภาพฯ มีพนักกงานผลัดเปลี่ยนกันออกมาแสดงความคิด มีการจัดเลี้ยงอาหารแบบพอกินพออยู่ให้กับลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างทุกคนได้กินประทังความหิว โดยการมารวมตัวกันนี้จะดำเนินต่อไปทุกวัน จนถึงวันที่ 26 ธันวาคม 2562 ซึ่งในแต่ละวันจะสิ้นสุดการรวมตัวกันในเวลาประมาณ 16.00 น. ส่วนหลังจากวันที่ 26 ธันวาคมไปแล้ว จะให้ทุกคนได้เดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด แล้วจะนัดหมายกันกลับมารวมตัวอีกครั้งหลังปีใหม่
นายสาคร ตะภา รองประธานสหภาพฯ กล่าวว่า ทางสหภาพและลูกจ้างทุกคนไม่มีใครเชื่อว่า บริษัทฯ จะปิดกิจการด้วยเหตุผลพิษเศรษฐกิจ ซึ่งนับจากวันนี้ไปทางสหภาพฯ นอกจากจะคอยให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องชัดเจนแก่ลูกจ้างแล้ว ยังจะรอฟังด้วยว่าทางโรงงานจะมีการติดต่อเข้ามาอย่างไรบ้าง อีกทั้งจะหาคำตอบให้ได้ว่า เหตุผลที่แท้จริงของการปิดโรงงานคืออะไร เพื่อจะได้มีแนวทางในการขับเคลื่อนเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ลูกจ้างทั้งเกือบ 1,000 คนนี้ นอกจากนี้หลังปีใหม่แล้ว เมื่อทุกคนกลับมารวมกันอีกครั้ง อาจจะมีการเดินทางไปยื่นหนังสือที่กระทรวงแรงงานด้วย
ขณะที่ นายสว่าง เชียงรอด พนักงานบริษัทฯ บอกว่า หลังถูกเลิกจ้างอย่างกะทันหัน นอกจากจะเกิดผลกระทบในเรื่องของการครองชีพแล้ว ยังมีผลกระทบต่อจิตใจของพนักงานทุกคนด้วย เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ในส่วนของตนมองว่า บริษัทฯ เลิกจ้างไม่เป็นธรรม และเหตุผลก็ไม่ใช่อย่างที่ปิดประกาศไว้ด้วย เพราะบริษัทฯ มีผลประกอบการที่ได้กำไรทุกปี ดังนั้น จึงจะขอปักหลักร่วมกับพี่น้องแรงงานทุกคน ต่อสู้จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม หรือนายจ้างเห็นใจให้ทุกคนกลับเข้าไปทำงานเหมือนเดิม
ส่วน นางสาวสุพรรษา ปัญญาสิตร พนักงานหญิง ทำงานมา 8 ปี บอกว่า ตนทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว เมื่อต้องมาตกงานก็รู้สึกตกใจ และยังไม่รู้ว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ซึ่งก็รอแนวทางจากทางสหภาพแรงงานฯ ว่าจะมีแนวทางการขับเคลื่อนอย่างไร ยืนยันว่าจะสู้ให้ถึงที่สุด เพราะเห็นว่าการเลิกจ้างครั้งนี้ไม่เป็นธรรมกับทุกคน ส่วนเหตุผลที่เลิกจ้างแบบยกคนงานทั้งบริษัทฯ ตนเชื่อว่ามาจากความต้องการที่จะล้มสหภาพแรงงานยานยนต์ฯ สำหรับตนนั้นในปีใหม่นี้ตั้งใจจะซื้อข้าวของเครื่องใช้เสื้อผ้ากลับไปฝากพ่อแม่พี่น้องคนในครอบครัวที่กาฬสินธุ์ แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ แม้จะยังคงเดินทางกลับบ้านตามความตั้งใจเดิม แต่เรื่องของฝากก็คงต้องลดลงเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย
นางสาวสำเนียง สุขพิณ อายุ 54 ปี ทำงานกับบริษัทนี้มานานถึง 24 ปี บอกว่า วันนี้ใจหายที่บริษัทฯ มาเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม ทุกวันนี้เงินเดือนที่ได้มาก็แทบจะไม่พอค่าใช้จ่าย ตนต้องหารายได้เพิ่มด้วยการค้าขาย แต่พอมาถูกเลิกจ้างอีกยิ่งทำให้ตนรู้สึกชีวิตย่ำแย่ ซึ่งตนเชื่อว่าบริษัทฯ ไม่ได้ปิดกิจการด้วยเหตุผลที่กล่าวอ้างอย่างแน่นอน เพราะบริษัทให้พนักงานทำงานล่วงเวลาทุกวัน วันละ 3 ชั่วโมง ทำจนกระทั่งวันสุดท้ายก่อนที่จะมีการประกาศปิดกิจการ ดังนั้น จึงอยากให้นายจ้างกลับมาเห็นใจลูกจ้างทุกคน เพราะทุกคนก็ทำงานกันมานานแล้ว
อ่านเพิ่มเติม...
2019-12-24 08:01:41Z
https://news.google.com/__i/rss/rd/articles/CBMiNWh0dHBzOi8vd3d3LnRoYWlyYXRoLmNvLnRoL25ld3MvbG9jYWwvY2VudHJhbC8xNzMzMzIw0gEA?oc=5
0 Comments:
Post a Comment