หากย้อนเรื่องราวของ "นายพอละจี รักจงเจริญ" ชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์เชื้อสายกระเหรี่ยง สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และยังเป็นนักปกป้องสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชนชาวกะเหรี่ยง ที่หายตัวปริศนาไปกว่า 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2557 ด้วยเชื่อว่า เกี่ยวโยงกับปมเป็นพยานคนสำคัญในคดีชาวบ้านบางกลอยที่ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในคดีนำกำลังเข้ารื้อทำลายเผาบ้านเรือนและทรัพย์สินของชาวบ้าน รวมถึงบ้านของ “ปู่คออี้” ผู้นำจิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน โดย "เดลินิวส์ออนไลน์" ขอย้อนรอยไล่เรียงเหตุการณ์การหายตัวไปของ "บิลลี่" กระทั่งพบถูกฆ่าเผายัดถัง
วันที่ 17 เม.ย. 57 "บิลลี่" เดินทางออกจากหมู่บ้านโป่งลึก-บางกลอย เข้าสู่ตัวเมืองใน อ.แก่งกระจาน และหายตัวไป ต่อมาชาวบ้านทราบว่า เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้จับกุม "บิลลี่" ไปสอบสวน แต่ไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน
วันที่ 18 เม.ย. 57 ชาวบ้านโป่งลึก-บางกลอย ออกตามหา "บิลลี่" ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านบางกลอยเข้าแจ้งความคนหายที่ สภ.แก่งกระจาน ต่อมานายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานฯ ยอมรับว่าได้จับตัว "บิลลี่" ไปจริง เพราะเป็นผู้บุกรุกป่าพร้อมของกลางเป็นน้ำผึ้งจำนวนหนึ่ง เมื่อสอบสวน-ตักเตือนแล้วได้ปล่อยตัวไป
วันที่ 21 เม.ย. 57 นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของบิลลี่ ร่วมกับเครือข่ายองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน และชาวบ้านยื่นหนังสือต่อ ผู้ว่าฯ เพชรบุรี และพล.ต.ต.พีรชาติ รื่นเริง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ขอความเป็นธรรมและให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามการหายตัวไปของ "บิลลี่" เร่งด่วน และขอให้มีการไต่ส่วนการหายตัวของ "บิลลี่" แต่ต่อมาศาลยกคำร้อง โดยศาลระบุว่าหลักฐานไม่เพียงพอ
ช่วงเดือน มี.ค. 60 มึนอ ภรรยาของบิลลี่ ยื่นหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษให้เข้ามาตรวจสอบคดีนี้เป็นคดีพิเศษ แต่หลังจากสืบสวนไปได้ระยะหนึ่ง ดีเอสไอได้ส่งหนังสือถึงภรรยาบิลลี่เมื่อต้นเดือน มี.ค. 60 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติไม่รับคดีบิลลี่เป็นคดีพิเศษ
กระทั่งปี 61 ดีเอสไอรับคดีการหายตัวไปของ "บิลลี่" เป็นคดีพิเศษ และเริ่มสอบสวนเมื่อปลาย เดือน มิ.ย. 61
วันที่ 22 - 24 พ.ค. 62 และ วันที่ 26 เม.ย. 62 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ใช้เครื่องยานยนต์สำรวจใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน พบชิ้นส่วนกระดูก 2 ชิ้น ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร 1 ถัง เหล็กเส้น 2 เส้น ถ่านไม้ 4 ชิ้น และเศษฝาถังน้ำมัน ส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ทำการตรวจพิสูจน์พบว่า วัตถุเป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์ มีรอยไหม้สีน้ำตาล ร่วมกับรอยแตกร้าว และการหดตัวของกระดูกจากการถูกความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 200 - 300 องศาเซลเซียส ตรวจพบสารพันธุกรรมตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของบิลลี่ เมื่อพิจารณาจากสถานที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานในสำนวนอื่นประกอบ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงเชื่อว่า วัตถุดังกล่าวเป็นกระดูกของ "บิลลี่" ที่เสียชีวิตแล้วโดยไม่ทราบวิธีที่ทำให้ตาย แต่นำมาเผาทำลายเพื่ออำพรางคดี
วันที่ 28 - 30 ส.ค. 62 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกับ นักประดาน้ำ จากกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ตรวจหาพยานหลักฐานที่พื้นที่ใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน ตรวจหาพยานหลักฐาน พบชิ้นส่วนกระดูกเพิ่มเติมอีกจำนวน 20 ชิ้น
จากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านพ้นไป 5 ปี ความชัดเจนได้ปรากฎ "บิลลี่" ถูกฆ่าอย่างทารุณโหดเหี้ยม แล้วใครล่ะ? คือฆาตกรตัวจริง!
2019-09-03 10:05:00Z
https://www.dailynews.co.th/crime/729535
0 Comments:
Post a Comment