
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 10 ก.ย. รายงานข่าวจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งว่า ทางสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ได้มาแจ้งความ โดยประสงค์ลงประจำวันกับตำรวจเพื่อเป็นพยานหลักฐาน และขอความคุ้มครองพยานบุคคลเพราะกระทบต่อการใช้ชีวิตในพื้นที่ อย่างไรก็ตามพล.ต.ท.ธนา ชูวงษ์ ผบช.ภ.7 จึงมีคำสั่งให้ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 7 ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ซึ่งการสอบสวนนั้นรับฟังเป็นข้อยุติได้ส่วนหนึ่งว่า ด.ต.พงศ์ษาวดี ไทยกูล ผบ.หมู่ กก.สส.1 บก.สส.ภ.7 ซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว ให้การยอมรับว่าเป็นผู้ที่ได้โทรศัพท์สนทนาพูดคุยกับ นางรัตน์ดาวรรณ บุษราคัม หรือ อร ภรรยาของ นายบุญแทน บุษราคัม เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อดีตเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งข้อเท็จจริงตามบทสนทนาเป็นการพูดคุยกันตามที่ปรากฏทางสื่อ ถ้อยคำข้อความที่ปรากฏก็มีลักษณะเป็นการพูดคุยซักถามในฐานะคนรู้จักสนิทสนมกันมากกว่าการข่มขู่ตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
โดยคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าการกระทำของ ด.ต.พงศ์ษาวดี มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ในความผิดฐานกระทำการหรือละเว้นการกระทำการใดอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการ หรือทำให้เสียระเบียบแบบแผนของตำรวจ ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ประกอบกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2556 ทาง พล.ต.ต.สงวน ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ของ ด.ต.พงศ์ษาวดี ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางวินัยในเรื่องดังกล่าว ประกอบกับ เพื่อให้การสืบสวนข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ ยุติธรรม และยังมีคำสั่งให้ ด.ต.พงศ์ษาวดี ไปปฏิบัติราชการยัง ศปก.บก.สส.ภ.7 ด้วย
สำหรับคดีนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ามีการกล่าวอ้างถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจนายใด เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือยุ่งเหยิง กับพยานหลักฐาน ตลอดจนการชี้นำหรือข่มขู่ ทำให้เกิดพยานหลักฐานเท็จ หรือ พยานหลักฐานอื่นใดที่อันจะก่อให้เกิความเสียหายต่อรูปคดี หรือ การประพฤติ ปฏิบัติตนไม่เหมาะสม ในฐานะผู้รักษากฎหมาย หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ ให้ดำเนินการลงโทษทั้งทางวินัยหรือทางอาญาอย่างเด็ดขาด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย.
2019-09-10 09:13:00Z
https://www.dailynews.co.th/crime/730725
0 Comments:
Post a Comment